"ยูเครน" เผย "รัสเซีย" เสริมทหารกว่า 2 แสนนาย ในสนามรบ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานโดยอ้างคำแถลงของเซอร์ฮี เชเรวาตี โฆษกของทหารยูเครนประจำแนวรบด้านตะวันออกที่ระบุว่า รัสเซียได้ประจำการทหารมากกว่า 180,000 นายในแนวรบด้านตะวันออกที่ตนเองรับผิดชอบอยู่ ในจำนวนกว่า 180,000 นายนี้ รัสเซียได้ประจำทหารราว 120,000 นายไว้ในแนวรบเมืองลีมานจนถึงเมืองคูเปียนสก์ที่มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน รัสเซียยังได้ประจำการทหารอีกกว่า 50,000 นายไว้ในสนามรบเมืองบัคมุตด้วย

"ยูเครน" เผย "รัสเซีย" เสียทหารวันเดียวนับพัน

รัสเซีย อ้างโดรนยูเครน 2 ลำ โจมตีเครมลินหวังสังหาร“ปูติน”

นอกจากทหารแล้ว จากแผนที่จะเห็นได้ว่ารัสเซียได้ขุดสนามเพลาะเพื่อตั้งรับการบุกของยูเครนเป็นแนวยาวตลอดกว่าหลายร้อยกิโลเมตรด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ารัสเซียตั้งแนวรับศึกไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง

โฆษกทหารยูเครนประจำแนวรบด้านตะวันออกระบุว่า ทหารที่ถูกประจำการในแนวรบด้านตะวันออก มีทั้งหน่วยจู่โจมทางอากาศและหน่วยจู่โจมยานยนต์ หน่วยกำลังรบสำรองของรัสเซีย กองกำลังรักษาดินแดน และกองร้อยจู่โจมสตอร์มซีที่ยูเครนระบุว่ารัสเซียเลือกคนมีประวัติอาชญากรรมมาร่วมรบ

ด้านฮันนา มาลีอาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ได้ออกมาระบุว่าเกิดการปะทะขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมืองบัคมุต และสถานการณ์การควบคุมพื้นที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน โดยพื้นที่ที่ยูเครนควบคุมอยู่ถูกรัสเซียยึดกลับไปและยูเครนก็ยึดคืนมาได้ภายในช่วงเวลาสองวันเท่านั้น

ทั้งนี้การประจำการทหารกว่า 180,000 นายในพื้นที่ตลอดแนวรบในแคว้นโดเนตสก์ ทำให้ยูเครนกังวลว่าอาจเกิดการบุกครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งเหมือนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปี 2022 อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากชาติตะวันตกบางส่วนได้ออกมาประเมินว่าสถานการณ์อาจไม่ยากลำบากเหมือนในช่วงแรกของการรุกราน

โดยพลจัตวา ปีเตอร์ ซวัก นายพลเกษียณของกองทัพสหรัฐฯ ระบุกับ CNN ว่า จำนวนตัวเลขทหารกว่า 180,000 นายในแนวรบด้านตะวันออกเป็นจำนวนตัวเลขที่ถือว่าค่อนข้างมาก แต่ทหารเหล่านี้ไม่ค่อยน่ากังวล เนื่องจากทหารเหล่านี้เป็นทหารสำรองของกองทัพรัสเซียที่มาจากการเกณฑ์หรือการอาสาเข้ามารบ และกลุ่มสตอร์มซีที่เป็นนักโทษ ไม่ใช่ทหารระดับอีลีทหรือกองพันทหารระดับสูงของรัสเซีย ซึ่งการมีทหารจำนวนมากในสนามรบเช่นนี้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ยูเครนต้องเอามาคิดคำนวณเพื่อสู้รบเช่นกัน แต่ในทางกลับกัน ก็สร้างความกดดันให้กับชาวรัสเซียและระบอบรัสเซียที่ส่งทหารมือสมัครเล่นจำนวนมากเข้ามาในสนามรบ

พลจัตวาซวัก ระบุว่า การโต้กลับของยูเครนยังไม่เห็นความคืบหน้า เพราะฝั่งยูเครนใช้วิธีตีโฉบเพื่อหาจุดอ่อนของรัสเซีย แต่ฝั่งยูเครนเองก็ต้องใช้ความอดทนในการทำปฏิบัติการโต้กลับรัสเซียด้วย เพราะการสู้รบหลังจากนี้อาจยากและมีความสูญเสียมาก

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ถ้ารัสเซียใช้ทหารราว 2 แสนนายตามที่กองทัพยูเครนเปิดเผยออกมาจริง ฝั่งยูเครนเองจำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม โดยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยูเครนควรมี คือ เครื่องบินรบรุ่นใหม่ เช่น F-16 เพื่อครองน่านฟ้าและคุ้มกันกองรบภาคพื้นดิน อย่างไรก็ดี ยูเครนยังไม่สามารถใช้เครื่องบินรบดังกล่าวได้ในเวลานี้ เนื่องจากชาติตะวันตกยังไม่ยินยอมส่งมอบให้ยูเครนอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน นักบินยูเครนเองก็กำลังอยู่ระหว่างการฝึกซ้อมใช้เครื่องบินเหล่านี้ในกองทัพของชาติพันธมิตร และคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดคือ 4-6 เดือนจึงจะสามารถปฏิบัติการในสนามรบจริงได้

ซึ่งในวันที่ยูเครนยังไม่สามารถครองน่านฟ้าเพื่อสู้รบกับรัสเซียอย่างเต็มรูปแบบได้ นักวิเคราะห์ของชาติตะวันตกบางส่วนได้ออกมาพูดถึงอาวุธชนิดอื่นๆ ที่อาจจะทำให้ยูเครนพลิกสถานการณ์กลับมาได้เปรียบเมื่อสู้รบกับทหารรัสเซียจำนวนมากในปฏิบัติการเฟสนี้ อาวุธที่ถูกพูดถึงคือ จรวดพิสัยไกลและกระสุนลูกปราย ซึ่งเป็นกระสุนที่อยู่ในรายชื่อของอาวุธต้องห้าม

นักวิเคราะห์ที่พูดถึงประเด็นนี้คือ พลเอกแบร์รี แมคคาฟฟรีย์ อดีตนายทหารของกองทัพสหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ด้านการทหารประจำ NBC และ MSNBC สำนักข่าวของสหรัฐฯ พลเอกแมคคาฟฟรีย์ระบุว่า ยุทโธปกรณ์ที่ยูเครนต้องการจากสหรัฐฯคำพูดจาก สล็อต888

เพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์การสู้รบเฉพาะหน้า คือ ขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบก หรือ ATACMS และ กระสุนลูกปราย ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศก็รายงานอยู่เป็นระยะๆ ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเรื่องการส่งอาวุธเหล่านี้ให้กับยูเครน โดยขีปนาวุธ ATACMS ATACMS เป็นขีปนาวุธทางยุทธวิธีพิสัยไกล สามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลสูงสุดถึง 300 กิโลเมตร ด้วยพิสัยที่ไกลเช่นนี้ ATACMS จะช่วยทำให้กองทัพยูเครนสามารถโจมตีไปยังเส้นทางหรือสถานที่ตั้งสำคัญที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของรัสเซียในสนามรบได้ ส่วนอาวุธชนิดที่สอง คือ กระสุนลูกปราย กระสุนลูกปรายหรือกระสุนทวิประสงค์ (DPICM) เป็นหัวรบชนิดหนึ่งที่ปล่อยกระสุนย่อยระเบิดขนาดเล็กกระจายเป็นวงกว้างเพื่อทำลายทั้งรถถังและกำลังพลของศัตรู ซึ่งกระสุนลูกปรายจะช่วยให้กองทัพยูเครนต่อกรกับกำลังพลและกองทัพรถถังจำนวนมากของรัสเซียได้

ทั้งนี้สำนักข่าวรอยเตอร์สเคยรายงานเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ 2 รายระบุว่า ทางการยูเครนเคยขออาวุธชนิดนี้กับทางการสหรัฐฯ แต่ทางประธานาธิบดีไบเดนยังไม่ตัดสินใจในประเด็นนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวโพลิติโกรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้นำคำขอของยูเครนเรื่องการส่งกระสุนลูกปรายกลับมาพิจารณาอย่างจริงจังอีกครั้ง ท่ามกลางการโต้กลับของยูเครนที่เป็นไปอย่างยากลำบาก

นอกจากการสู้รบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางด้านตะวันออกของยูเครน เมื่อวานนี้กองทัพรัสเซียได้ส่งโดรนพลีชีพโจมตีทางอากาศใส่ยูเครน จนทำให้ประชาชนที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวานนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยูเครนได้รายงานว่า โดรนที่รัสเซียส่งเข้ามาโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนได้ไปสร้างความเสียหายให้แก่อาคารที่พักอาศัยของประชาชนในเมืองซูมี พื้นที่ทางภาคเหนือของยูเครน

ผลจากการโจมตีครั้งนี้ทำให้ประชาชนอย่างน้อย 3 รายเสียชีวิต และอีกกว่า 21 รายได้รับบาดเจ็บ ขณะที่อาคารที่พักอาศัยของพลเรือนก็ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้และบางส่วนของอาคารพังถล่มลงมา

ขณะเดียวกัน ทาสส์ (TASS) สำนักข่าวรัสเซียรายงานว่าวันนี้มีโดรนปริศนา 3 ลำ บินเข้ามายังแคว้นมอสโก คาดว่าเป้าหมายอาจอยู่ที่กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย แต่ทางการรัสเซียรายงานว่าโดรนทั้ง 3 ลำ ถูกสกัดจนตกด้วยอุปกรณ์ก่อกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนที่โดรนทั้งหมดจะบินไปถึงเป้าหมาย โดยโดรน 2 ลำที่ถูกก่อกวนนั้นตกที่เมืองนิว มอสโก ส่วนอีกลำหนึ่งถูกก่อกวนจนตกที่แคว้นคาลูกา ไม่ไกลจากกรุงมอสโก ซึ่งผลจากการถูกโจมตีด้วยโดรนทำให้ทางการรัสเซียต้องปิดสนามบินวนูโคโวเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงสายที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

By admin